รูปแบบ Ecommerce ในสมัยนี้และจุดอ่อนของ Social Media และแนวทางแก้ไข
ความหมายคือจะขายอะไรต้องปั้นจนกว่าจะขายได้ ไม่ทิ้งกลางทาง ผมก็ทำแบบนั้นนะ สินค้าบางชนิดเริ่มต้นขาย ได้เดือนๆ ไม่เยอะ หรือแต่ละเดือนขายไม่ได้เลย ค่าโฆษณา ค่าการตลาดก็ยังต้องจ่ายทุกเดือน จ่ายไปก็ขายไม่ได้เยอะเท่าไหร่ตามที่คิดว่ามันควรจะเป็น (คนขายอาจไม่ดีเอง) เสียเวลาทำ ก็เสียเวลา แต่ผมก็ยังทำเพราะชอบ และรู้ว่ามาถูกทาง การวางแผนและวิธีการทำ ก็ถูกต้องและค่อยๆเสริมไปได้ เพียงมันยังไม่ถึงเวลา อย่างไรก็ดีมันมีหลายปัจจัยในการดำเนินธุรกิจ ที่อาจทำให้คนตัดสินใจไม่ทำต่อ เช่น สู้ขาดใจแล้ว สู้ไม่ไหวจริงๆ กับบางอุตสาหกรรมที่มันทำแล้วไม่รุ่งมันก็มีอันนี้เป็นข้อยกเว้น เชื่อว่าใครก็มุ่งมั่นกันทั้งนั้น หมั่นศึกษาหาความรู้หาวิธีทำให้ธุรกิจตัวเองเจริญทั้งนั้น
ผมมีโปรดักส์สองอย่าง ด้านบริการ กับ สินค้า ผมไม่เคยทิ้ง เพราะเชื่อว่าวันนึงมันจะสำเร็จ ผมขายซอฟแวร์และบริการทำการตลาดผ่านอินเตอร์เน็ตให้กับสินค้าต่างๆ ปัจจุบันมีหลากหลายธุรกิจที่ใช้บริการผม เช่น ธุรกิจความสวยความงาม , อะไหล่รถยนต์, ยางรถยนต์, ธุรกิจทัวร์, ธุรกิจกิฟช็อป ฯลฯ ผมจึงเข้าใจลึกซึ้งกับเนื้อหาในวิดีโอนี้มากๆ ว่าเจ้าของสินค้าจะประสบความสำเร็จไม่ได้เลยหากทำแล้วทิ้งกลางทาง และเป็นสิ่งที่ผมก็พร่ำบอกกับเจ้าของธุรกิจทุกท่านเฉพาะเจ้าที่พึ่งเริ่มต้นทำธุรกิจตัวใหม่และลงทุนกับการขายในอินเตอร์เน็ตเช่นกัน จนวันนี้มาเจอวิดีโอนี้ก็เลยเอามาให้ชมกันว่ามันเป็นเรื่องจริง คุณประสบความสำเร็จได้ ถ้าคุณเลือกมาแล้วและคุณมีสายป่านมากพอและไม่ทิ้งมัน ทำมันจนกว่าจะได้ มันจะมีคนมาช่วยคุณทำเองเมื่อคุณมีเงิน คุณจ้างคนทำตามความฝันคุณได้หมด จ้างพนักงานขายได้ จ้างคนทำการตลาดได้ จ้างคนทำบัญชีได้ จ้างได้สารพัด คนมีฝีมือแต่ไม่มีทุนทำธุรกิจเองล้วนแต่ต้องมาทำงานให้คุณ ซึ่งคนมีฝีมือมีมากมายล้นโลก ผมเองก็เป็นหนึ่งคนที่อยู่ระหว่างการเดินทางในการปั้นธุรกิจของตัวเองให้สำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไป แต่ผมไปเกี่ยวข้องกับการปั้นธุรกิจให้ทุกท่านที่จ้างผมด้วย
รูปแบบ Ecommerce ในสมัยนี้และจุดอ่อนของ Social Media และแนวทางแก้ไข
รูปแบบของ Ecommerce สมัยนี้ ระบบของแต่ละเจ้าพัฒนาไปไกลมากและมีเทคโนโลยีใหม่เพิ่มขึ้นตามกาลเวลาและตามการแข่งขัน แต่ทุกอย่างก็ล้วนทำมาเพื่อให้เกิดประโยชน์กับผู้ค้าและผู้ซื้อสินค้า เช่น มีระบบจัดการสินค้า ระบบคงคลัง ระบบตรวจสอบการจัดส่งสินค้า ระบบการชำระเงิน ระบบสถิติ ระบบที่สนับสนุนด้านการทำการตลาดต่างๆและระบบอื่นๆ มากมายนับไม่ถ้วน ที่เชื่อมต่อเข้าไปกับเว็บได้ ซึ่งบางที่หรือบางระบบต้องให้โปรแกรมเมอร์เขียนเพิ่มเข้าไปหรือเชื่อมต่อระบบให้ ส่วนบางที่หรือบางระบบให้ผู้รู้พื้นฐานไม่ถึงขั้นเขียนโค๊ดขึ้นเองใหม่ ทำให้ก็ได้ สนนราคาก็มีตั้งแต่หลักพันถึงหลักล้านในการสร้างระบบ หรือดูแลระบบให้ทำงานได้ดี ทั้งนี้อยู่ที่ความต้องการของลูกค้าว่าต้องการอะไรและระบบเดิมสนับสนุนความต้องการหรือไม่ ถ้าจะเพิ่ม บริษัทที่รับทำจะตีราคาเท่าไหร่ในการสร้างระบบต่างๆ เพิ่มขึ้นมาหรือการเชื่อมต่อหรือวางระบบให้ บางที่ก็มีระบบสำเร็จรูปซึ่งถ้าคุณเป็นธุรกิจเล็กๆ ไม่จำเป็นต้องทำอะไรซับซ้อนมาก ตัวสำเร็จรูปก็เพียงพอแล้ว แต่พวกธุรกิจใหญ่ๆ ต่างกัน เขาต้องการระบบที่ซับซ้อนกว่าธุรกิจเล็กๆทั่วไป
ส่วนเรื่องจุดอ่อนของ Social Media ที่เป็นแต่ระบบที่ให้เราใส่รายละเอียดเท่านั้น โดยไม่สามารถคลิ๊กและสั่งซื้อได้เลยทันที ต้องรอโอนเงิน กว่าจะโอนก็เปลี่ยนใจ แล้วแนวทางการแก้ไขคืออะไร ตรงนี้หลายๆ ท่านทำได้ ด้านผมเอง ใช้วิธีเชื่อมระบบ E-commerce Website เข้ากับ โซเชียลมีเดีย เช่น ทำ Facebook Store
แล้ว Facebook Store ทำได้อย่างไร ต้องซื้อระบบมาใช้งานครับ ผมยังไม่เคยเห็นที่ไหนให้ใช้ฟรีๆ ในด้าน www.lnwshop.com ก็เป็นตัวหนึ่งที่ผมใช้ ค่าใช้ระบบรายปี หากจำไม่ผิดอยู่ที่ประมาณ 2,xxx บาท ผมซื้อใช้อยู่ ซึ่งเว็บ ของ lnw ใช้ฟรี แต่จะเชื่อมทำระบบดังกล่าวต้องเสียเงินครับ และต้องทราบวิธีการตั้งค่า วิธีการทำ ซึ่งไม่ยากเวลาเราทำเว็บและสั่งซื้อระบบกับเขา ก็ทำไปตามขั้นตอน แต่สำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อนหรือคนที่ไม่ชอบเรื่องพวกเกี่ยวกับเว็บไซต์ ไม่เอาเลย ไม่แตะเลย ตรงนี้คงทำยาก ก็หาผู้เชี่ยวชาญหรือผู้รู้มาแนะนำหรือทำให้ได้ ไม่ก็ติดต่อ Support ของ lnw ให้เขาสอนให้ได้ เร็วหน่อยก็จ้างคนทำ ซึ่งผมเองก็รับทำเว็บของ lnw อยู่ครับ
อีกตัวที่จะแนะนำคือ Shopify Facebook Store ระบบนี้สามารถใช้ขายสินค้าได้ทั่วโลก รองรับการชำระเงิน การขนส่งต่างๆที่หลากหลาย มีระบบสินค้าคงคลัง ระบบจัดการยอดขายและ CRM ย่อยๆในตัว โดยเราสามารถเพิ่มระบบเต็มๆ ได้หากเราต้องการ โดยเอาระบบ CRM เข้าไปเชื่อมต่อ สำหรับ CRM ผมใช้ Zoho CRM เนื่องจากง่าย ไม่ซับซ้อนและลูกค้าผมที่ส่วนมากเป็นเจ้าของธุรกิจ SMEs ก็สามารถใช้งานได้โดยง่ายด้วย อย่างไรก็ตามเรามีบริการอบรมการใช้งานระบบหากต้องการใช้งานให้เต็มประสิทธิภาพ
ซึ่งการใช้ระบบเว็บระบบอีคอมเมิร์ซตัวนี้ ราคาขึ้นอยู่กับเงื่อนไขมีค่าใช้จ่าย แต่มีระบบ Facebook Store อยู่ภายใน ใช้ฟรี ผมมักจะเลือกใช้ระบบที่จ่ายประมาณ 1,000 กว่าบาทต้นๆ ต่อเดือน เนื่องจากสามารถเข้าไปแก้ไขโค๊ดต่างๆ ที่แม่แบบได้ แต่ตัวถูกสุดที่ลงสินค้าได้ ไม่เกิน 25 ชิ้น ราคาประมาณ 400 กว่าบาทต้นๆต่อเดือนนั้นไม่สามารถแก้โค๊ดได้ ซึ่งมีความจำเป็นอย่างมากในด้านการทำการตลาดเช่นเอาไปเชื่อมต่อกับระบบโซเชียลมีเดียต่างๆ หรือระบบอื่นๆ ที่เราต้องการเชื่อมต่ออีกมากมาย ระบบนี้ทางเราก็มีบริการรับทำหรือบริการสอนทำด้วยครับ รวมทั้งบริการดูแลด้านการตลาดสินค้า และดูแลเว็บไซต์ให้คุณ
ด้าน Tarad.com คนทำการค้าขายไม่จำเป็นต้องทำเว็บไซต์เดียว ถ้ามี E-Market Place ดีๆ ที่ช่วยส่งเสริมด้านการตลาดให้เรา เราก็ควรใช้ด้วย ถ้ายอดขายที่ได้คุ้มค่ากับราคาที่จ่าย สำหรับ Tarad.com ค่าใช้จ่ายน่าจะอยู่ราวๆ 1x,xxx กว่าบาทต่อปี ค่าการตลาดในการวางสินค้าและอื่นๆ อีก X เปอร์เซนต์ (เคยถามมา) มีการทำโฆษณาและประชาสัมพันธ์สินค้าและมีโปรโมชั่นทำการตลาดให้สินค้าในเว็บอยู่เสมอในหลากหลายช่องทางครบทุกโซเชียลมีเดียและ Search Engine
ระบบที่ลูกค้าใช้ส่วนมากจะแบ่งจ่ายเป็นรายเดือนได้หรือไม่ก็ฟรีไปเลย มีแบบที่ไปจ้างคนเขียนขึ้นมาใหม่ก็มีแล้วแต่สไตล์ใครและทุนที่มี ท่านนึงจ้างเขียนระบบ Facebook Store ขึ้นมาใหม่เลยและระบบต่างๆหลังบ้านอีกมากมาย เมื่อธุรกิจพัฒนาขึ้นควรพิจารณาใช้ E-Market Place ที่สำคัญๆด้วย เพราะมันเป็นช่องทางการทำเงินที่ขาดไม่ได้ ส่วน Shopify ไม่ใช่ E-Market Place เป็นระบบแยกต่างหาก Stand Alone เหมาะกับการใช้ทำตลาดขายสินค้าไปทั่วโลก เนื่องจากรองรับ Payment Gateway ต่างๆทั่วโลก
 |
| Ecommerce Solutions integrate with Social Media Facebook Store. |
